web 3.0 อินเทอร์เน็ตไร้ตัวกลาง การเปลี่ยนแปลงใหญ่โลกเทคโนโลยี

 

web 3.0 คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกอินเตอร์เน็ต

web 3.0 คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกอินเทอร์เน็ต กล่าวคือ web 3.0 ถือเป็นการต่อยอด Blockchain อย่างหนึ่ง มีแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยีเว็บไซต์ผสมผสาน Blockchain เข้ากับ World Wide Web มุ่งเน้นแก้จุดบกพร่องของ web 1.0 และ web 2.0 ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

อินเทอร์เน็ต หมายถึง ?

อินเทอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยภาษาที่ใช้สื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) 

ผู้ใช้เครือข่ายนี้สื่อสารถึงกันได้หลากหลายช่องทาง เช่น อีเมล เว็บบอร์ด และ โซเชียลเน็ตเวิร์ก อาทิ

Facebook (เฟซบุ๊ก) Twitter (ทวิตเตอร์) Instragram (อินสตราแกรม) รวมไปถึงมีการขยายเข้าสู่การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Internet) มากขึ้นในปัจจุบัน เรียกได้ว่า โลกยุคใหม่กับสังคมออนไลน์ 

แต่ก่อนจะไป Web 3.0 ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า Website คืออะไร

เราได้รู้ความหมายของ อินเทอร์เน็ต ไปแล้ว แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ Web 3.0 ต้องมีความเข้าใจก่อนว่า Website คืออะไร

Website คือ ชุดข้อมูลของหน้าเว็บเพจที่ได้รับการสร้างและระบุโดเมนเนม และได้เผยแพร่บนเซิร์ฟเวอร์แล้ว โดยทั่วไปเว็บไซต์จะมีเนื้อหาของหัวข้อหรือเรื่องราวที่เฉพาะเจาะจง ต่างกันออกไป ตามวัตถุประสงค์ของการนำเสนอเว็บไซต์นั้น เช่น ข้อมูลข่าว ข้อมูลการศึกษา การขาย สื่อบันเทิง และโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นต้น

web 3.0 คืออะไร?

web 3.0 ถือเป็นการต่อยอดและพัฒนา โดยมุ่งเน้นแก้ไขจุดบกพร่องของ web 1.0 และ web 2.0 ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เป็นวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต มุ่งสู่ยุคใหม่ที่รองรับและขับเคลื่อนเทคโนโลยีล้ำสมัย

ย้อนวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต ก่อนมาถึง web 3.0

ย้อนวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต ก่อนมาถึง web 3.0  ลักษณะความแตกต่างของการใช้งาน
อินเทอร์เน็ตเว็บไซต์แต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ Web 1.0 จนมาถึง Web 2.0 และ Web 3.0 คืออะไร

web 1.0

Web 1.0 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมยุคแรกช่วงยุค 90 ซึ่งอินเทอร์เน็ตในยุคนี้ เป็นเว็บไซต์ที่ตอบสนองทางเดียว ไม่มีการเชื่อมต่อ Database และไม่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้ เปรียบเสมือนการอ่านหนังสือ ที่เข้าไปอ่านในเว็บไซต์ได้เท่านั้น ช่วงนั้นจึงไม่เกิด การสร้างเพจ หรือการแสดงความคิดเห็นต่อคอนเทนต์ขึ้น นอกนั้น Web 1.0 ยุคแรกยังไม่มีอัลกอริทึม ในการเปลี่ยนไปหน้าต่าง ๆ ทำให้สมัยนั้นยังเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการ

web 2.0

Web 2.0 นับเป็นยุคที่เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมทั้งธุรกิจที่เรียกว่า Startup เกิดขึ้น ทั้ง Facebook, Youtube, Wikipedia และอีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็น Social Web ก็ว่าได้  โดยการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในยุคนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบ ปฏิสัมพันธ์กันบนเว็บได้ รวมทั้งมีการเชื่อมต่อกับ Database ทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้บนเว็บอีกด้วย อินเทอร์เน็ตยุคนี้ทำให้เกิดสังคมแห่งบนโลกออนไลน์ หรือ Social media สังคมที่คนสามารถสื่อสารโต้ตอบ แสดงความคิดเห็น สร้างคอนเทนต์ และแชร์ข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชันกันได้

web 3.0

Web 3.0 มีการคาดการณ์ว่า จะเป็น The Next Era of the Internet ที่มีความอัจฉริยะมากขึ้น สามารถทำงาน วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ ทั้งยังสามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ และยุคนี้จะทำให้เทคโนโลยีอย่าง Machine Learning (ML), Big Data, AI, Blockchain และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่น ๆ สามารถทำงานได้เต็มที่ วิวัฒนาการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คอนเซ็ปต์ของ Web 3.0 คืออะไร

คอนเซ็ปต์ของ Web 3.0 คือ

1. Ubiquity หมายถึง ความสามารถในการอยู่ทุก ๆ ที่ ในเวลาเดียวกัน หรืออีกหนึ่งคำที่ใช้เรียกกัน คือ Omnipresent ไปทั่วทุกหนแห่งในเวลาเดียวกัน

2. Semantic Web คือคำนิยามจากปากของผู้คิด World Wide Web ว่า Web 3.0 จะเป็นอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ คล้ายมนุษย์ ฉลาดมากขึ้น และรองรับเทคโนโลยีอัจฉริยะได้

3. AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เมื่อเข้าสู่ยุคของ Web 3.0 AI จะสามารถอ่าน และถอดความหมาย รวมถึงอารมณ์ จากชุดข้อมูลที่ป้อนเข้าไปได้ ทำให้เครื่องมือต่าง ๆ มีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่เป็นเทคโนโลยี Web 3.0 คืออะไร

เทคโนโลยีที่จะนำไปสู่ยุค Web 3.0  ได้แก่ 

  • DeFi ว่าด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนใหม่เป็นพื้นฐานของระบบการเงิน แบบกระจายศูนย์ในยุค Web 3.0

  • Crypto เหรียญคริปโตฯ กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลพื้นฐานของยุคนี้ 

  • NFT คือ สินทรัพย์เข้ารหัสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

  • DApps แอปพลิเคชันแบบ Open Source ได้รับการพัฒนาบนบล็อกเชนแบบ Decentralized 

  • Smart Contract เป็น DApps หนึ่ง ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับเป็นศูนย์กลางของยุค Web 3.0

  • DAO ระบบโครงสร้างองค์กรและการปกครองแบบกระจายศูนย์ เอื้อให้เกิดการมีส่วนร่วมและตรวจสอบ โดยจะกลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของบริการ Web 3.0

ข้อดีของ Web 3.0

ข้อดีของ Web 3.0 คือ 

  • ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องขออนุญาตในการเข้าถึงบริการบนเครือข่าย 

  • ข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกนำไปใช้ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางการตลาด

  • การทำงานบนเครือข่ายแบบ Decentralized จะทำให้ปัญหาในเรื่องเซิร์ฟเวอร์ล่มลดลง เนื่องจากมีการรัน โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่

  • การเซนเซอร์ (Censor) เนื้อหาหรือข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้สร้างสรรค์ผลงานทำได้ยากขึ้น

ทำไม Web 3.0 จึงมีความสำคัญ

การเข้ามาของ Web 3.0 จะช่วงทำให้กรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ผู้ใช้งาน แตกต่างจาก Web รุ่นก่อน ตัวอย่าง เกมออนไลน์บน Web 2.0 ผู้ใช้งานซื้อไอเทมเกมด้วยเงินจริง ระบบดำเนินการเติมไอเทมเข้าในบัญชีผู้ใช้งาน แต่ถึงอย่างนั้น บัญชีก็ยังสามารถถูกลบทิ้งได้ หรือเกมที่เล่นอาจถูกระงับจากบริษัทเจ้าของเกม ส่งผลให้ไอเทมที่จ่ายเงินไปนั้นหายไปด้วย ไม่ได้ตกเป็นสิทธิของผู้ใช้งานอย่างเด็ดขาด แม้ซื้อมาแล้วด้วยเงินก็ตาม 

ในขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับบริบทของ Web 3.0 แล้วนั้น ผู้ใช้งานจะไม่เจอกรณีดังกล่าว เพราะระบบจะเปิดให้ผู้ใช้งานถือครองสิทธิ์การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรง ผ่านรูปแบบ NFT ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่า ไม่มีใครเข้ามาถือสิทธิ์ในการอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ที่ซื้อมาได้ นอกจากนี้ หากผู้ใช้งานหยุดเล่นเกม สามารถนำไอเทมที่ตนเป็นเจ้าของขายหรือเทรดบน Marketplace แบบ Open-source ได้อีกด้วย

Web 3.0 กับ Code Genius

ก่อนเราจะไป Web 3.0 ต้องเริ่มเรียนรู้พื้นฐานสำคัญสำหรับการสร้างเว็บไซต์ทั่วไปก่อน ซึ่ง Code Genius มีคอร์สเรียนที่น่าสนใจที่มีความเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับเว็บไซต์นั้น คือ คอร์ส HTML/CSS เป็นคอร์สเริ่มต้นการสร้างเว็บไซต์ ที่สามารถนำเสนอข้อมูลทั้งรูปแบบข้อความ รูปภาพ ตาราง วิดีโอ รวมถึงการจัดวางองค์ประกอบให้น่าสนใจ ตกแต่งได้ตามสไตล์เว็บไซต์ปัจจุบัน และยังมีคอร์ส Web Application ที่เป็นการสร้างเว็บไซต์ระดับสูง สามารถประมวลผลข้อมูล แก้ปัญหาเฉพาะทางตามที่ต้องการ

สรุป Web 3.0

ปัจจุบัน Web 3.0 ถือเป็นอินเทอร์เน็ตยุคสมัยใหม่ที่ยังมาไม่ถึง แต่เป็นที่หน้าจับตามอง ติดตามทิศทางโลกอินเทอร์เน็ตในอนาคต แนวโน้มสิ่งที่ควรเฝ้าระวัง ปรับปรุงแก้ไข รวมไปถึงข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้นเมื่อเสร็จสมบูรณ์